ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมีหลายเรื่องที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ปวดเศียรเวียนเกล้ามาก หนึ่งในนั้นคือ เด็กติดเกม ที่ขยายความรุนแรงไปทั่วประเทศ หลายครอบครัวพยายามแก้ไขด้วยสารพัดวิธี สารพัดรูปแบบ...แก้ไขไม่ได้ เพราะเรื่องของ"เด็กติดเกม " ต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายและต่อเนื่องด้วย
อย่างไรที่เรียกว่าเด็กติดเกม
การพูดว่า"เด็กติดเกม " ของคนในสังคมทั่วไป กับ "เด็กติดเกม " ทางการแพทย์ ไม่เท่ากันพ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นลูกหลานตัวเองเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรืออยู่หน้าโทรทัศน์นานสักหน่อย ก็เรียกว่า "ติดเกม " แล้ว แต่เป็นการติดทางใจทางการแพทย์พูดถึงการติด คือการติดที่มีอาการทางกาย เพราะว่าร่างกายพึ่งพาสารบางอย่างจากภายนอก เช่น สารเสพติด (ยาบ้า เฮโรอีน) หรือสารที่หลั่งภายในร่างกายเราเองแต่เกิดจากการกระตุ้นจากภายนอก เช่น การเล่นการพนัน การเล่นเกม เป็นต้น
หากมองเรื่องการติดเกม อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ชอบ
ชอบ... ไม่ใช่ติด
ทุกคนมีความชอบได้ แต่ต้องไม่เสียการควบคุมตนเอง บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ขณะที่บางคนชอบเล่นกีฬา ความชอบเหล่านั้นทำให้เจ้าตัวมีความสุข แต่ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีก ซึ่งมีหลายทางเลือก
ระดับที่ 2 คลั่งไคล้
หมกมุ่น... คลั่งไคล้ เริ่มไม่ทำกิจกรรมอื่น
คนที่คลั่งไคล้ จะเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เช่น วันนี้ตั้งใจจะไม่เล่นเกม พยายามบอกตัวเองว่างดเล่น 1 วัน แต่อดใจไม่ได้คุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายก็เล่นเหมือนเดิมการคลั่งไคล้ยังไม่ถึงขั้นติด แต่เสียการควบคุมตนเอง
ระดับที่ ๓ การติด
ติดหรือไม่... เส้นแบ่งอยู่ที่การเสียการทำหน้าที่
ทุกคนมี " หน้าที่ " ของตัวเอง เด็กมีหน้าที่หลักคือการเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ และใช้เงินทองให้เหมาะสมพฤติกรรมของเด็กที่เสียการทำหน้าที่ เช่น ไม่อ่านหนังสือ โดดเรียน ใช้เงินหมดไปกับการเล่นเกม โกหก ซึ่งเป็นผลพวงจากการเล่นเกมอาการหรือพฤติกรรมเหล่านี้ขึ้นกับความรุนแรง ดังนั้นจึงวัดกันที่เสียการทำหน้าที่
อาการเด็กติดเกม
อาการของเด็กติดเกมโดยทั่วไปสังเกตได้จากเริ่มเสียการทำหน้าที่ รวมถึงทำกิจกรรมอย่างอื่นน้อยลง เช่น เคยดูโทรทัศน์ เริ่มไม่ดู ไม่สนใจโทรทัศน์เล่นกีฬาฟุตบอล เล่นน้อยลง หรือเลิกไปเลยเล่นเกมจนลืมเวลา ไม่กินข้าว ไม่นอน รุ่งขึ้นเช้าไปโรงเรียนไม่ไหวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับเกม จนกระทั่งหนี
เรียนเพื่อไปเล่นเกมอย่างเดียวไม่รับผิดชอบงานบ้านที่ตนเองมีหน้าที่จะต้องทำอารมณ์และจิตใจเปลี่ยนไป จนถึงขั้นพูดคุยกับพ่อแม่ ผู้ปกครองไม่รู้เรื่องการติดเกมแตกต่างจากการติดเชื้อโรคของร่างกายเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เข้าสู่ร่างกายคนเราปุ๊บเป็นโรคทันที แต่การติดเกมเป็นเรื่องระดับความรุนแรงของ
อาการการติดเกมเป็นโรคหรือไม่
การติดเกมเต็มรูปแบบถือว่าเป็นโรค (ซึ่งเหมือนกับการติดสารเสพติดทั้งหลาย เช่น บุหรี่ สุรา ยาบ้า กัญชา เฮโรอีน)เปรียบคล้ายกับคนติดสารเสพติดพยายามแสวงหามาเสพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เด็กติดเกมก็พยายามแสวงหาการเล่นเกม และต้องเล่นยาวนานมากขึ้น ถ้าไม่ได้เล่นก็จะหงุดหงิด และลงเอยที่การเสีย
การทำหน้าที่โรคติดเกมเป็นโรคที่ต้องปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น